จุดคุ้มทุน (Break Even Point) คืออะไร? คำนวณง่ายๆ เปิดร้านไม่ให้เจ๊ง!
หลายคนที่กำลังจะเปิดร้านค้าหรือทำธุรกิจใหม่ๆ มักจะมีคำถามเหมือนกันว่า "เราต้องขายเท่าไหร่ถึงจะไม่ขาดทุน?" หรือ "วันหนึ่งต้องมียอดขายกี่บาทถึงจะพอกิน?" คำตอบของคำถามนี้อยู่ที่สิ่งที่เรียกว่า จุดคุ้มทุน หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Break Even Point นี่แหละ!
จุดคุ้มทุน หรือ Break Even Point คือ จุดที่เงินที่เราขายได้ = เงินที่เราจ่ายออกไป หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ได้กำไร แต่ก็ไม่ขาดทุน เท่านั้นเอง ซึ่งการคำนวณจุดคุ้มทุนที่ถูกต้องจะช่วยให้เราตอบคำถามสำคัญได้ว่า "ธุรกิจเราน่าจะไปรอดหรือเปล่า?" ก่อนที่จะเอาเงินไปลงทุนจริงๆ
ทำไมต้องรู้จุดคุ้มทุน? มันสำคัญอย่างไร?
ลองคิดดูว่าถ้าเราไม่รู้ว่าต้องขายเท่าไหร่ถึงจะคุ้มทุน เหมือนกับเราขับรถไปไหนโดยไม่รู้ว่าน้ำมันจะหมดตอนไหน แล้วจะรู้ได้ไงว่าจะไปถึงหรือเปล่า? ซึ่งการรู้จุดคุ้มทุนจะช่วยให้เรา
- รู้ว่าต้องขายเท่าไหร่ต่อวัน ถึงจะไม่ขาดทุน
- ตั้งราคาสินค้าให้ถูกต้อง ไม่ต่ำจนขาดทุน ไม่สูงจนไม่มีคนซื้อ
- วางแผนเงินว่าต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ไว้รับมือหากยอดขายไม่เป็นไปตามที่คิด
- ตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจนี้หรือเปล่า ก่อนที่จะเสียเงินไปเปล่าๆ
สำหรับคนที่จะเปิดร้านขายของ ร้านโชห่วย หรือร้านสะดวกซื้อ การรู้ Break Even Point คือเรื่องสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราสั่งซื้อของได้ถูกปริมาณ จัดโปรโมชันได้คุ้มค่า และบริหารร้านให้อยู่รอดได้
ส่วนประกอบหลักในการคำนวณจุดคุ้มทุน
ก่อนที่จะคำนวณจุดคุ้มทุน เราต้องเข้าใจก่อนว่าส่วนประกอบหลักในการคำนวณจุดคุ้มทุน หรือเงินที่เราต้องจ่ายในการทำธุรกิจมี 2 แบบ
เงินที่ต้องจ่ายแน่นอนทุกเดือน (ต้นทุนคงที่ / Fixed Costs)
เงินที่จ่ายตามที่ขายได้ (ต้นทุนแปรผัน / Variable Costs)
ราคาที่เราขายให้ลูกค้า (ราคาขายต่อหน่วย / Unit Price)
เป็นเงินที่เราต้องจ่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขายได้หรือไม่ได้ เช่น
- ค่าเช่าร้าน - จ่าย 15,000 บาท/เดือน ไม่ว่าจะขายได้หรือไม่
- เงินเดือนพนักงาน - ต้องจ่ายทุกเดือน
- ค่าน้ำ ค่าไฟ - ประมาณ 3,000 บาท/เดือน
- ค่าประกันร้าน - ต้องจ่ายทุกปี
- ค่าใบอนุญาต - ต้องต่อทุกปี
เป็นเงินที่เราจ่ายเมื่อมีการขาย ยิ่งขายมาก ก็ยิ่งต้องจ่ายมาก เช่น
- ราคาซื้อสินค้า - ซื้อมา 20 บาท ขายไป 30 บาท
- ค่าส่งของ - สั่งมาแล้วต้องจ่ายค่าขนส่ง
- ถุงใส่ของ - ลูกค้าซื้อกี่ใบ ใช้ถุงกี่ใบ
- คอมมิชชั่นพนักงาน - ขายได้มาก พนักงานได้เพิ่ม
เป็รเงินที่ลูกค้าจ่ายให้เราต่อชิ้น ถ้าของแต่ละชิ้นราคาไม่เท่ากัน ให้คิดเป็นราคาเฉลี่ย เช่น ขายน้ำขวดละ 15 บาท ขายขนมปังแผ่นละ 25 บาท ขายของใช้ชิ้นละ 50 บาท ถ้าขายในสัดส่วนเท่าๆ กัน ราคาเฉลี่ย = (15+25+50)/3 = 30 บาท
สูตรคำนวณจุดคุ้มทุน (แบบง่ายๆ)
พอเราเข้าใจเรื่องเงินที่ต้องจ่ายแล้ว ตอนนี้มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดแล้ว นั่นคือ "การคำนวณ" ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องเป็นนักบัญชี ไม่ต้องจบปริญญาด้านการเงิน แค่รู้บวก ลบ คูณ หาร ก็พอแล้ว
สูตรง่ายๆ ที่สามารถจำได้คือ
จุดคุ้มทุน = เงินที่ต้องจ่ายแน่นอนทุกเดือน ÷ (ราคาขาย - ต้นทุนสินค้าต่อชิ้น)
และสูตรมาตรฐานคือ
ปริมาณขาย (ณ จุดคุ้มทุน) = ค่าใช้จ่ายคงที่ / (ราคาขายต่อหน่วย – ต้นทุนขายต่อหน่วย)
สูตรนี้จะบอกเราว่า ต้องขายสินค้ากี่ชิ้นต่อเดือน ถึงจะไม่ขาดทุน ซึ่ง Break Even Point คือจุดที่เงินที่ได้จากการขาย มีค่าเท่ากับเงินที่จ่ายประจำรวมกับเงินที่จ่ายตามยอดขาย
ตัวอย่างการคำนวณจุดคุ้มทุนสำหรับร้านโชห่วยหรือร้านขายของชำ
มาดูตัวอย่างง่ายๆ กัน สมมติเราเปิดร้านโชห่วยเล็กๆ
ต้นทุนคงที่ต่อเดือน:
- ค่าเช่าร้าน: 10,000 บาท
- เงินเดือนพนักงาน: 12,000 บาท
- ค่าน้ำ ค่าไฟ: 3,000 บาท
- รวม: 25,000 บาท/เดือน
ต้นทุนแปรผันและราคาขาย:
- ซื้อสินค้าเฉลี่ย: 20 บาท/ชิ้น
- ขายในราคา: 35 บาท/ชิ้น
- กำไรต่อชิ้น: 35 - 20 = 15 บาท
คำนวณ:
- จุดคุ้มทุน = 25,000 ÷ 15 = 1,667 ชิ้น/เดือน
- แปลงเป็นต่อวัน: 1,667 ÷ 30 = 56 ชิ้น/วัน
- แปลงเป็นเงิน: 56 × 35 = 1,960 บาท/วัน
ตัวอย่างการคำนวณในสถานการณ์จริง
มาลองใช้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น ดูตัวอย่างร้านโชห่วยขนาดกลางกัน
ข้อมูลต้นทุน (ต่อเดือน):
- ต้นทุนคงที่
- ต้นทุนแปรผันและราคาขาย:
- การคำนวณ:
ตั้งเป้าหมายขายรายวัน
ใช้สำหรับวางแผนการสั่งของ
ใเช็กว่าเป้าหมายเป็นไปได้หรือเปล่า
- ลดเงินที่ต้องจ่ายประจำ เช่น ต่อรองค่าเช่า ประหยัดไฟฟ้า เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม หรือจ้างพนักงานตามสมควร ไม่เยอะจนเกินจำเป็น
- ลดต้นทุนสินค้า เช่น หาซัพพลายเออร์ที่ราคาดี เปรียบเทียบหลายๆ ที่ สั่งของปริมาณมากเพื่อให้ได้ส่วนลด ดูแลสินค้าให้ดี ไม่ให้เสียหรือหมดอายุ ไปจนถึงการเลือกขายของที่กำไรดี เน้นของที่ขายดีและกำไรสูง
- เพิ่มราคาขาย เช่น การปรับราคาให้เหมาะสม แต่ไม่แพงจนไม่มีคนซื้อ หรือไปเพิ่มมูลค่าของสินค้า ทำโปรโมชันแพ็กคู่ เพิ่มของแถม ไปจนถึงการขายของที่ราคาสูงกว่า
- เปลี่ยนแปลงธุรกิจ เช่น เปิดบริการเพิ่ม ขายของกินเสริม หรือนำไปขายออนไลน์ด้วย
มองดูตลาดรอบๆ
เตรียมเงินสำรองไว้ให้รอบด้าน
เลือกทำเลให้ดี
ใช้เทคโนโลยีช่วย
- ค่าเช่าร้าน: 18,000 บาท
- เงินเดือนพนักงาน: 15,000 บาท (พนักงาน 1 คน)
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต: 4,000 บาท
- ค่าประกัน และอื่นๆ: 3,000 บาท
- รวมต้นทุนคงที่: 40,000 บาท/เดือน
- ซื้อสินค้าเฉลี่ย: 30 บาท/ชิ้น
- ค่าถุง ค่าส่ง: 5 บาท/ชิ้น
- รวมต้นทุนแปรผัน: 35 บาท/ชิ้น
- ราคาขายเฉลี่ย: 55 บาท/ชิ้น
- กำไรต่อชิ้น: 55 - 35 = 20 บาท
- ใช้สูตร: ต้นทุนคงที่ 40,000 บาท ÷ กำไรต่อชิ้น 20 บาท
- จุดคุ้มทุน = 40,000 ÷ 20 = 2,000 ชิ้น/เดือน
- แปลงเป็นต่อวัน: 2,000 ÷ 30 = 67 ชิ้น/วัน
- แปลงเป็นเงิน: 67 × 55 = 3,685 บาท/วัน
นั่นหมายความว่าร้านนี้ต้องขายของได้อย่างน้อย 67 ชิ้นต่อวัน หรือ 3,685 บาทต่อวัน จึงจะจุดคุ้มทุน ถ้าขายได้มากกว่านี้ก็จะมีกำไร แต่ถ้าขายได้น้อยกว่านี้ก็จะขาดทุน
รู้จุดคุ้มทุนแล้ว จะเอาไปใช้อย่างไร?
รู้จุดคุ้มทุนแล้วจะเอาไปใช้ยังไง? เกี่ยวข้องอย่างไรกับการวางแผนธุรกิจ คำตอบมีอยู่ 3 ข้อที่คุณสามารถลองนำไปใช้ได้ทันที
เรารู้แล้วว่าต้องขาย 71 ชิ้น/วัน ถึงจะไม่ขาดทุน ดังนั้น
- เป้าหมายขั้นต่ำ: 71 ชิ้น/วัน
- เป้าหมายที่ดี: 100 ชิ้น/วัน (มีกำไร 29 × 15 = 435 บาท/วัน)
- เป้าหมายที่ยอดเยี่ยม: 150 ชิ้น/วัน (มีกำไร 79 × 15 = 1,185 บาท/วัน)
ถ้าต้องขาย 71 ชิ้น/วัน เราต้องสั่งของมาเก็บไว้อย่างน้อย 71 × 7 = 497 ชิ้น/สัปดาห์ แต่ต้องสั่งเผื่อไว้อีก 20-30% เป็น 600-650 ชิ้น
ต้องถามตัวเองว่า "แถวนี้มีคนผ่านไปมาเพียงพอหรือเปล่า ที่จะมีคนเข้ามาซื้อของ 71 ครั้งต่อวัน?" ถ้าคิดแล้วยาก แสดงว่าจุดคุ้มทุนสูงไป ต้องหาวิธีลดซึ่งเราจะพูดถึงในข้อต่อไป
ถ้าจุดคุ้มทุนสูงไป ทำอย่างไรดี?
หากการคำนวณจุดคุ้มทุนออกมาสูงเกินไป มีวิธีแก้หลายแบบด้วยกัน
คำแนะนำ เช็กจุดคุ้มทุนก่อนเปิดร้านจริงๆ
รู้สูตรคำนวณจุดคุ้มทุนแล้ว ได้ตัวเลขมาแล้ว แต่นั่นยังไม่พอ เพราะในโลกของการทำธุรกิจจริงๆ ตัวเลขบนกระดาษกับความเป็นจริงอาจจะไม่เหมือนกัน
จุดคุ้มทุนที่เราคำนวณออกมาเป็นเพียง "เป้าหมายขั้นต่ำ" เท่านั้น แต่จะทำได้จริงหรือเปล่า ต้องไปเช็กหลายๆ เรื่องก่อน ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนเปิดร้านจริงๆ ต้องทำการบ้านให้ดี เพราะเมื่อเปิดร้านแล้ว การแก้ไขจะยากและแพงกว่าการป้องกันตั้งแต่แรก
Break Even Point คือเพียงตัวเลข แต่ความเป็นจริงขึ้นอยู่กับลูกค้า
- นับคนเดิน - วันธรรมดาและวันหยุด มีคนเดินผ่านกี่คน
- ดูคู่แข่ง - ร้านใกล้เคียงขายได้ยังไง
- ถามคนแถวนั้น - ใครเป็นคนที่มาซื้อของบ่อยๆ
- คิดระยะทาง - คนจะเดินมาซื้อของไกลแค่ไหน
อย่าเอาเงินทั้งหมดที่มีมาลงทุน ควรเตรียม
- เงินเปิดร้าน - ค่าเช่า ค่าแต่งร้าน ซื้อของครั้งแรก
- เงินหมุนเวียน - อย่างน้อย 3-6 เดือนแรก
- เงินฉุกเฉิน - เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ทำเลดีจะช่วยให้บรรลุจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น ลองเลือกทำเลที่ดีและมีโอกาสทางธุรกิจ เช่น
- อยู่ใกล้บ้านคน - ชุมชน หมู่บ้าน คอนโด
- จอดรถสะดวก - สำคัญมากในยุคนี้
- มองเห็นได้ชัด - ป้ายดัง ไฟสว่าง
- แข่งขันพอดี - มีคู่แข่งแต่ไม่มากเกินไป
- ระบบขายหน้าร้าน (POS) - ช่วยนับยอดขาย คิดเงิน
- แอปจัดการสต็อก - รู้ว่าของเหลือเท่าไหร่ ควรสั่งเพิ่มไหม
- โซเชียลมีเดีย - โปรโมทร้าน บอกข่าวสารกับลูกค้า
จุดคุ้มทุนคือเครื่องมือสำคัญ มิตรแท้โชห่วยช่วยคุณได้!
การคำนวณจุดคุ้มทุนเป็นเหมือนการใช้ GPS ก่อนออกเดินทาง จะได้รู้ว่าจะไปถึงหรือเปล่า ต้องเตรียมอะไรบ้าง และจะใช้เวลานานแค่ไหน
Break Even Point คือเครื่องมือที่จะช่วยให้เราไม่ต้องลงทุนโดยที่ไม่รู้ว่าธุรกิจจะต้องเจอกับอะไร รู้ว่าต้องขายเท่าไหร่จึงจะรอด และวางแผนการเงินได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการขาดทุน การรู้จุดคุ้มทุนทำให้เราตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ไม่ใช่แค่คิดว่า "น่าจะไปรอด" แล้วเอาเงินไปเสี่ยงเฉยๆ
สำหรับใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านโชห่วย หรือร้านสะดวกซื้อ การร่วมงานกับ มิตรแท้โชห่วย จะช่วยลดความเสี่ยงได้เยอะขึ้น เพราะเรามีที่ปรึกษาที่ช่วยสนับสนุนตั้งแต่การเลือกทำเล การคำนวณต้นทุน การฝึกอบรมพนักงาน ไปจนถึงการช่วยโปรโมทร้าน ทำให้โอกาสที่จะไปถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่าการเริ่มต้นคนเดียว
อย่าลืมว่า การคำนวณจุดคุ้มทุนเป็นแค่จุดเริ่มต้น สิ่งสำคัญคือการบริหารร้านให้ดี บริการลูกค้าให้ประทับใจ และปรับปรุงพัฒนาร้านให้ดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง!
รับปรึกษา ทุกปัญหา โชห่วย ฟรี !!
ติดต่อเรา ได้ที่ Inbox แอดมาที่ Line @mitrtaeshohuay
หรือโทร. 02-099-1555 เวลา 07:00-22:00 น. ทุกวัน